วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557

โครงงาน

โครงงานเรื่อง

Blogger bakery

จัดทำโดย

นางสาว ไปรยา   บุญลอย  ม.5/1  เลขที่ 40

เสนอ

อาจารย์ศิริรัตน์ ปานสุวรรณ

โครงงานเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการงานเทคโนโลยีสารสนเทศ (32242 )
โรงเรียนตราดสรรเสริญวิทยาคม จังหวัดตราด
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต  17
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษาที่ 2556
















บทคัดย่อ

        ในปัจจุบันนี้ในสังคมของเราไม่ว่าจะเพศไหนวัยไหนต่างก็ล้วนใช้เทคโนโลยีการสื่อสารต่างๆทั้งสิ้น ทำให้เทคโนโลยีนี้เข้ามามีบทบาทกับเราทุกคนมากยิ่งขึ้นทุกวันเราจึงควรที่จะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์
        ดิฉันจึงได้จัดทำเว็บบล็อกที่ให้ความรู้ข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเรื่องของเบเกอรี่ขึ้น ในหัวข้อเรื่องว่า bakeryเพื่อที่ต้องการจะให้ความรู้ในเรื่องนี้ได้เผยแพร่ไปสู่ผู้ที่ใช้เทคโนโลยีทำให้เทคโนโลยีในสมัยนี้ได้เกิดประโยชน์เพิ่มขึ้นกับผู้ใช้งาน
























กิตติกรรมประกาศ
โครงงานเรื่อง  Blogger bakery  นี้จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีไม่ได้ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจาก อาจารย์ผู้สอน อาจารย์ศิริรัตน์ ปานสุวรรณ ที่ได้คอยให้ความช่วยเหลือคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการทำโครงงานและเว็บบล็อกนี้ จึงขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้




























สารบัญ

เรื่อง                                                                                            หน้า
บทที่ 1 บทนำ
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 3 วิธีการดำเนินงาน
บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน
บทที่ 5 สรุปการดำเนินงาน
ภาคผนวก






                                                           
















บทที่ 1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
        เนื่องจากในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับทุกเพศทุกวัยทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ผู้จัดทำจึงคิดที่จะจัดทำโครงงานนี้เพื่อให้ผู้ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ได้ทราบข้อมูลประโยชน์เกี่ยวกับ บล็อก bakery  นึ้
วัตถุประสงค์
         1.เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลให้ผู้ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องของเบอเกอรี่ที่มีความหลากหลายและวิธีการทำเบเกอรี่ง่ายๆอีกมากมายในบล็อกนี้
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
          สามารถได้ทราบวิธีทำของเบอเกอรี่ในรูปแบบต่างๆได้ในบล็อกนี้





















บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
        บล็อก (Blog) คือ คำว่า “Weblog” ถูกใช้งานเป็นครั้งแรกโดยJorn Barger ในเดือนธันวาคม ปี 1997 ต่อมามีฝรั่งที่ชอบเรียกสั้นๆ ชื่อนายPeter Merholz จับมาเรียกย่อเหลือแต่ “Blog” แทนในเดือนเมษายน ปีค.ศ.1999และจนมาถึงวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ.2003 ทาง
Oxford English Dictionary จึงได้บรรจุคำว่า blog ในพจนานุกรม แสดงว่าได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ บล็อก (Blog) ขึ้นแท่นศัพท์ยอดฮิต อันดับหนึ่ง ซึ่งถูกเสาะแสวงหา ความหมาย ทางพจนานุกรมออนไลน์ มากที่สุด ประจำปี 2004สำนักข่าวเอพีรายงานว่า เว็บไซต์ ดิกชั่นนารีหรือ พจนานุกรมออนไลน์ “เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ได้ประกาศรายชื่อ คำศัพท์ซึ่งถูกคลิก เข้าไปค้นหา ความหมายผ่าน ระบบออนไลน์มากที่สุด10 อันดับแรกประจำปีนี้ ซึ่งอันดับหนึ่งตกเป็นของคำว่า “บล็อก” (blog) ซึ่งเป็นคำย่อของเว็บ บล็อก” (web log)โดยนายอาเธอร์ บิคเนล โฆษกสำนักพิมพ์พจนานุกรมฉบับ เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ กล่าวว่า สำนักพิมพ์ได้เตรียมที่จะนำคำว่า “บล็อก” บรรจุลงในพจนานุกรมฉบับล่าสุดทั้งที่เป็นเล่มและ ฉบับออนไลน์แล้วแต่จากความต้องการของผู้ใช้ที่หลั่งไหลเข้ามา ทำให้เมอร์เรียม-เว็บสเตอร์ตัดสินใจบรรจุคำว่าบล็อก” ลงในเว็บไซต์ในสังกัดบางแห่งไปก่อน โดยให้คำจำกัดความไว้ว่า “เว็บไซต์ที่บรรจุ เรื่องราวเกี่ยวกับบันทึกส่วนตัวประจำวัน ซึ่งสะท้อนถึงมุมมอง ความคิดเห็นของบุคคล โดยอาจรวมลิงค์เชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อื่นๆ ตามความประสงค์ของเจ้าของเว็บบล็อกเองด้วย” โดยทั่วไปคำศัพท์ที่ถูกบรรจุลงในพจนานุกรมนั้นจะต้องผ่านการใช้งาน อย่างแพร่หลาย มาไม่น้อยกว่า20 ปี ซึ่งหมายความว่าคำคำนั้นจะต้องถูกนำมาใช้โดยทั่วไปในระยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันคำศัพท์ ทางเทคโนโลยีรวมไปถึงโรคภัยไข้เจ็บใหม่ๆ อย่างเช่น โรคเอดส์ โรคไข้หวัดซาร์ส ถูกบรรจุลงในพจนานุกรมภายในระยะเวลาอันสั้นคำว่า “บล็อก” เริ่มใช้เป็นครั้งแรกๆผ่านทางหน้าหนังสือพิมพ์และนิตยสารเมื่อปี 2542 แต่ผู้รวบรวมพจนานุกรมตั้งข้อสังเกตว่าการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการประชุมใหญ่ของ พรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันเพื่อรับรองชื่อ ผู้สมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนชาวสหรัฐฯ ผู้ติดตามข่าวสารส่วนใหญ่สนใจ และต้องการทราบความหมายที่แท้จริงของคำดังกล่าว โดยเฉพาะเมื่อคำศัพท์เหล่านั้นปรากฏเป็นข่าวพาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์ทั่ว ไปนอกเหนือจากคำว่า “บล็อก” แล้ว คำศัพท์ที่ติดอันดับถูกเข้าไปค้นหาความหมายสูงสุด 10อันดับแรกประจำปีนี้ได้แก่ “อินคัมเบนท์” (incumbent) ซึ่งหมายถึงผู้อยู่ในตำแหน่ง, “อิเล็กทอรัล” (electoral) หรือคณะผู้เลือกตั้งขณะที่บางคำเป็นคำศัพท์ที่เกี่ยวเนื่องกับสงครามในอิรัก เช่น “สตอร์มส” (stroms) ซึ่งมีความหมายว่ าการโจมตีอย่างรุนแรง, “อิน-เซอร์เจ้นท์” (insurgent) หรือกองกำลังฝ่ายต่อต้านการปกครอง อิรัก, “เฮอร์ริเคน” (hurri- cane) ซึ่งหมาย ถึงผลกระทบอย่างรุนแรง, “เพโลตัน” (peloton) ที่แปลว่ากองทหารขนาดเล็ก และซิคาด้า (cicada) ซึ่งความหมายตามรูปศัพท์ แปลว่าจักจั่น

        
เบเกอรี่ (Bakery) หมายถึง ผลิตภัณฑ์ขนมอบ
ความเป็นมาของเบเกอรี่  
      เบเกอรี่เริ่มมีขึ้นในยุคหิน โดยชาวสวิสได้เป็นผู้ริเริ่มนำเมล็ดข้าวสาลีมาบดให้แตก ผสมน้ำ ทำให้สุกบนแผ่นหินเผาไฟ ได้อาหารเป็นแผ่น ข้างในเหนียวเหนอะหนะ นับเป็นขนมปังชนิดแรกของโลกเลยค่ะ และต่อมา ชาวอียิปต์ได้พัฒนาจากขนมปังที่เป็นก้อนแน่น ให้มาเป็นก้นโปร่งฟูขึ้น ซึ่งมาจากที่ชาวอียิปต์หมักก้อนแป้งแล้วลืมทิ้งไว้  และได้นำมาผสมกับแป้งที่ทำใหม่เพื่อให้ขนมขึ้นฟู และชาวอียิปต์ยังได้นำดินเหนียวมาทำเป็นภาชนะเพื่อใช้ในการอบขนมแทนแผ่นหิน ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเตาอบชนิดแรกของโลก และเตาอบชนิดนี้ แบ่งเป็น 2 ชั้น คือ ชั้นล่างไว้ก่อไฟ ชั้นบนสำหรับอบขนม    
ในสมัยกรีกได้พัฒนาการทำขนมปัง โดยปั้นเป็นก้อนกลมรี น้ำหนักก้อนละ 1 ปอนด์ และเปลี่ยนรูปแบบเตาอบเป็นลักษณะคล้ายรวงผื้ง ซื่งยังใช้ไม้เป็นเชื้อเพลิงเหมือนเดิม  ต่อมาในสมัยโรมัน ก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีการทำขนมปังเพิ่มขึ้น โดยสร้างเครื่องผสมซึ่งประกอบด้วยอ่างหินและพายไม้ และก็พัฒนามาเรื่อย จนถึงศตวรรษที่ 13 ชาวฝรั่งเศสได้บันทึกถึงความก้าวหน้าของการพัฒนาเครื่องทำขนม ชนิดของขนมปัง และเมื่อกลางศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมาอุตสาหกรรมขนมอบก็เริ่มเกิดขึ้น และมีการพัฒนาต่อเนื่อง
     ในประเทศไทย ได้พบหลักฐานในปี พ.ศ. 2230 จากจดหมายเหตุของนักบวชชาวฝรั่งเศส เขียนรายงานเรื่องการซื้อแป้งสาลีมาทำขนมปังในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
     ปี พ.ศ.2399  จากรายงานของกัปตันเทาเซนต์ แฮรีส ว่ามีการนำแป้งสาลีจากฮ่องกงเพื่อทำขนมปังสำหรับงานเลี้ยงในพระราชวังสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 
       เบเกอรี่ (Bakery) คือ ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากแป้งสาลีแปรรูปและทำให้สุกโดยการอบ โดยแบ่งเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ ขนมปัง คุ้กกี้ เค้กและเพสตรี้ โดยมีลักษณะเฉพาะดังนี้
1. ขนมปัง (Bread) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการใช้ยีสต์ ซึ่งจะมีส่วนผสมหลักดังนี้ แป้งสาลี ยีสต์ เกลือ น้ำและส่วนผสมอื่นๆ เช่น นม ไข่ น้ำตาล ผลไม้ ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้จะทำให้เกิดขนมปังประเภทต่างๆ มากมาย เช่น ขนมปังผลไม้ ขนมปังหวาน เดนนิชชนิดต่างๆ และประเภทของขนมปังจะสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ได้ตามปริมาณของไขมัน ดังนี้
1.1 ขนมปังที่มีปริมาณไขมันต่ำ 0 - 3 เปอร์เซนต์ ได้แก่ขนมปังที่มีลักษณะผิวค่อนข้างแข็ง เช่น ดินเนอร์โรล ขนมปังฝรั่งเศส
1.2 ขนมปังที่มีปริมาณไขมันปานกลาง 3 - 6 เปอร์เซนต์ ได้แก่ ขนมปังจืด ขนมปังแซนด์วิช ขนมปังหัวกะโหลกชนิดจืด
1.3 ขนมปังที่มีปริมาณไขมันสูง 6 -12 เปอร์เซนต์ ได้แก่ ขนมปังหวานชนิดที่มีไส้ ขนมปังที่มีเนื้อนุ่ม เช่น ซอฟบัน ขนมปังไส้ต่างๆ ขนมปังแฮมเบอร์เกอร์ ขนมปังลูกเกด
1.4 ขนมปังที่มีปริมาณไขมันสูงมากๆ 12 - 24 เปอร์เซนต์ ได้แก่ ขนมปังหวาน ขนมปังผลไม้ ขนมปังมะพร้าว
นอกจากขนมปังแล้วจะมีขนมชนิดอื่นที่ต้องหมักด้วยยีสต์และใช้ไขมัน ในปริมาณสูง เช่น
- โดนัทยีสต์ ได้แก่ โดนัทไส้ต่างๆ
- โรลชนิดต่างๆ เช่น ชีสโรล
- เดนนิสเพสตรี้ เป็นขนมปังที่ใช้ยีสต์เหมือนขนมปังแต่ใช้เนยเพสตรี้ห่อในการทำให้เกิดชั้นของขนม
2. คุ้กกี้ (Cookies) วัตถุดิบในการทำคุ้กกี้ จะคล้ายกับเค้กมากคือมีแป้ง เนย นม ไข่ น้ำตาล สิ่งที่ช่วยให้ขึ้นฟูและส่วนผสมอื่นๆ จะแบ่งชนิดของคุ้กกี้ตามชนิดที่นำไปใช้ แบ่งได้ 4 ชนิด คือ
2.1 คุ้กกี้หยอด เป็นคุ้กกี้ที่มีรูปร่างไม่คงที่ ใช้ช้อนตักหยอดเป็นรูปต่างๆ หรือใส่กรวยที่มีหัวบีบเป็นรูปต่างๆ เช่นเดียวกัน ตกแต่งหน้าด้วยเชอรี่หรือลูกเกด เช่น คุ้กกี้นมสด
2.2 คุ้กกี้ม้วน ส่วนผสมจะค่อนข้างอยู่ตัว นำมารีดเป็นแผ่น วางลวดลายแบบต่างๆ หรือจะใช้วิธีการม้วนให้เป็นแท่งกลม นิยมใช้ 2 สี เพื่อให้ลายเด่นชัด เมื่อต้องการอบตัดเป็นแว่นๆ ตามขวาง ใส่ถาดที่ทาไขมันวางให้มีระยะห่างกันพอควร
2.3 คุ้กกี้กด เป็นคุ้กกี้ที่มีความเข้มข้นมาก คล้ายเค้ก วิธีทำรูปร่างอาจใช้กระบอกคุ้กกี้ หรือผ่านหัวบีบลักษณะต่างๆ ตกแต่งหน้าด้วยผลไม้เชื่อมแห้ง เช่น คุ้กกี้เนย คุ้กกี้กาแฟ
2.4 คุ้กกี้แท่ง ลักษณะแป้งค่อนข้างอยู่ตัวนำมารีดเป็นแผ่นบางๆ ทาหน้าด้วยไข่ โรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์หรืออัลมอนด์สับละเอียดแล้วนำมาตัดเป็นแท่ง เช่น คุ้กกี้ฟินแลนด์ คุ้กกี้สิงคโปร์
3. เค้ก (Cake) วัตถุดิบที่ใช้ในการทำเค้ก ได้แก่ แป้งสาลี น้ำตาล เกลือ ผงฟู นม ไข่ ไขมัน และกลิ่นรส แบ่งได้เป็น 3ประเภท
3.1 เค้กเนย เป็นเค้กที่มีปริมาณไขมันสูง การขึ้นฟูของเค้กเกิดจากอากาศที่ได้จากการตีเนย โดยเม็ดไขมันจะเก็บอากาศไว้และจะขยายตัวในระหว่างการอบ เช่น เค้กผลไม้ ช็อกโกแลตเค้ก
3.2 เค้กไข่ เป็นเค้กที่ไม่มีไขมันในส่วนผสม เนื้อเค้กและปริมาณของเค้กขึ้นอยู่กับการขยายตัวของไข่ขาวที่ถูกนำมาตีจนเป็นฟองซึ่งจะเก็บอากาศในระหว่างการตีไข่ ทำให้เค้กขยายตัวและขึ้นฟูในระหว่างการอบ เช่น สปันจ์เค้ก แยมโรล แองเจิ้ลฟู้ดเค้ก
3.3 ชิฟฟ่อนเค้ก เป็นเค้กที่มีลักษณะของเค้กเนยและเค้กไข่ คือ มีโครงสร้างที่ละเอียดของไข่และมีเนื้อที่มันเงาของเนย แต่ชิฟฟ่อนนิยมใช้นำมันพืชแทนใช้เนย
4. เพสตรี้ (Pastry) วัตถุดิบที่ใช้ในการทำเพสตรี้เป็นส่วนผสมหลักมีดังนี้ แป้งสาลี ไขมัน น้ำ เกลือ ไข่ มี 2 ชนิดคือ พายร่วนและพายชั้น


























บทที่ 3
วิธีการดำเนินงาน
วิธีการดำเนินงาน
1. คิดหัวข้อโครงงานเพื่อไปนำเสนออาจารย์
2. ศึกษาและค้นคว้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่จะจัดทำ
3. จัดทำโครงร่างโครงงานเพื่อไปนำเสนออาจารย์
4. ปฏิบัติทำโครงงาน
5. จัดทำ  Blogger bakery
6. นำเสนอผลงานโครงงานต่ออาจารย์

เครื่องมือและอุปกรณ์
 1. คอมพิวเตอร์
 2. อินเตอร์เน็ต

แนวทางการดำเนินงาน
1. วางแผน จัดวางโครงงานเรื่อง
2. สมัคร Gmail
3. นำ Gmail ไปสมัครสร้างบล็อกเกอร์
4. หาข้อมูลเกี่ยวกับเบเกอรี่ รวมถึงวิธีทำเบเกอรี่แล้วนำไปทำเป็นบล็อกเกอร์
5. แชร์ไปที่อาจารย์














บทที่ 4
ผลการดำเนินงาน


















บทที่ 5
สรุปผลการดำเนินงาน
สรุปผลการดำเนินงาน
         การทำบล็อกเกอร์ bakery นี้เป็นการสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้เทคโนโลยีได้สืบค้นและได้ทราบวิธีการทำ
เบเกอรี่

ข้อเสนอแนะ
         การจัดทำบล็อกเกอร์จะต้องทำให้มีความสวยงาม น่าสนใจ ข้อมูลเนื้อหาเรื่องดังกล่าวจะต้องมีอ้างอิงและน่าเชื่อถือรวมถึงเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน

ปัญหาและอุปสรรค
1. เวลาในการจัดทำโครงงานมีเวลาน้อยไม่เพียงพอ

วิธีการแก้ปัญหา
1. บันทึกโครงงานไว้ในเฟสบุ๊คแล้วกลับมาทำต่อที่บ้าน














ภาคผนวก










วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2557

แนะนำเบเกอรี่ชนิดแรก


 วิธีทำเครปเค้กแบบง่ายๆใช้ส่วนผสมแค่ไม่กี่อย่าง ลองมาดูกันนะค้ะ





อ้างอิง 
http://www.youtube.com/watch?v=65L_SmJ0jyU

ประวัติเบเกอรี่(bakery)


 ประวัติเบเกอรี่(bakery)

เบเกอรี่ (Bakery) หมายถึง ผลิตภัณฑ์ขนมอบ
ความเป็นมาของเบเกอรี่ 
      เบเกอรี่เริ่มมีขึ้นในยุคหิน โดยชาวสวิสได้เป็นผู้ริเริ่มนำเมล็ดข้าวสาลีมาบดให้แตก ผสมน้ำ ทำให้สุกบนแผ่นหินเผาไฟ ได้อาหารเป็นแผ่น ข้างในเหนียวเหนอะหนะ นับเป็นขนมปังชนิดแรกของโลกเลยค่ะ และต่อมา ชาวอียิปต์ได้พัฒนาจากขนมปังที่เป็นก้อนแน่น ให้มาเป็นก้นโปร่งฟูขึ้น ซึ่งมาจากที่ชาวอียิปต์หมักก้อนแป้งแล้วลืมทิ้งไว้  และได้นำมาผสมกับแป้งที่ทำใหม่เพื่อให้ขนมขึ้นฟู และชาวอียิปต์ยังได้นำดินเหนียวมาทำเป็นภาชนะเพื่อใช้ในการอบขนมแทนแผ่นหิน ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเตาอบชนิดแรกของโลก และเตาอบชนิดนี้ แบ่งเป็น 2 ชั้น คือ ชั้นล่างไว้ก่อไฟ ชั้นบนสำหรับอบขนม   









 อ้างอิง       https://sites.google.com/site/sureeratsrp/pra-wati-be-ke-xri
 

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ

สวัสดีค่ะ
ชื่อนางสาวไปรยา  บุญลอยนะค้ะ
ชื่อเล่น สไปร์ทค่ะ